รถเข็นของคุณว่างเปล่า!
Raspberry Pi Zero 2 WCH - Colored Header
- แบรนด์ Raspberry Pi รหัสสินค้า: RPI-ZERO2-WCH
ตัวบอร์ดมาพร้อมกับ 2x20 Pin Header แบบสีที่ได้บัดกรีมาแล้ว โดบแต่ละสีจะระบุถึงหน้าที่ของแต่ละ Pin ของ Raspberry Pi 40-GPIO โดยทางทีม production ของทาง Cytron Technologies เป็นผู้บัดกรี ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งาน GPIO ของตัวบอร์ดในการสร้างสรรค์วงจรต้นแบบหรือโปรเจ็กต์ ใช้งาน HAT หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อพัดลมระบายความร้อนให้กับตัวบอร์ดก็สามารถทำได้ง่ายสุดๆ
Raspberry Pi Zero 2W ได้เปิดตัวแล้วในวันที่ 28 ตุลาคม 2021 โดย Raspberry Pi Zero 2 W จะพร้อมวางจำหน่ายผ่าน Cytron marketplace เร็วๆนี้!
ตั้งแต่การเปิดตัวของบอร์ด Raspberry Pi Zero W (เวอร์ชันแรก) ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 ตัวบอร์ด Raspberry Pi Zero W ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนจำเป็นที่จะต้องจำกัดปริมาณการสั่งซื้อต่อคนเพียง 1 คน/บอร์ด เท่านั้น ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก มีของเข้ามาเมื่อไหร่ก็จะหมดทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตอย่าง IC ขาดตลาด ซึ่งก็ยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับสายการผลิตของบอร์ด Raspberry Pi Zero และ Raspberry Pi รุ่นอื่นๆเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Raspberry Pi Zero W ซึ่งถือเป็น Single Board Computer ที่มีราคาถูกที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ที่มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อไร้สาย โดยมีราคาเพียงแค่ 10 USD เท่านั้น! (ไม่รวมถึงภาษีท้องถิ่นและค่าจัดส่ง)
Raspberry Pi Zero W ได้มีการถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ หรือโปรเจ็กต์ และหลังจาก 4 ปีที่ผ่านมา การรอคอยได้จบลงแล้ว Raspberry Pi Zero W เวอร์ชัน 2 ได้เปิดตัวออกมาแล้ว - Raspberry Pi Zero 2 W. โดยส่วนประกอบสำคัญที่ได้รับการอัพเกรดคือ CPU โดยที่ Raspberry Pi Zero 2 W มาพร้อมกับ Quad-core, 64-bit, Cortex-A53 CPU ที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1 GHz โดยส่วนสำคัญของบอร์ดรุ่นนี้คือชิพ Raspberry Pi RP3A0 บนตัวบอร์ดที่เป็นแบบ system-in-package (SiP) ซึ่งภายในประกอบไปด้วย Broadcom BCM2710A1 เชื่อมต่อผ่าน die กับ 512MB of LPDDR2 SDRAM
Note: บอร์ดเวอร์ชัน Original ของ Raspberry Pi Zero 2 W ไม่ได้มาพร้อมกับ 40-pin Header แต่สำหรับ WCH version (สินค้าชุดนี้) มาพร้อมกับ color-coded 40-pin header ที่ได้รับการบีดกรีให้แล้ว!
ชุด CPU+RAM รูปแบบใหม่ของ Raspberry Pi Zero 2 W ที่ถูกออกแบบโดยทางทีมวิศวกรของทาง Raspberry Pi เพื่อเป็นการทำความเข้าใจว่า ทำไมทาง Raspberry Pi ถึงเลือกที่จะใช้การเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนแบบ wire-bonding แทนที่จะเป็นแบบ Package on Package (PoP) เหมือนอย่างกับบอร์ดรุ่นพี่อย่าง Raspberry Pi Zero/W/WH ลองดูโพสต์จาก Eben Upton (CEO ของ Raspberry Pi Trading).
RP3A0 System-in-Package (SiP) ภาพจาก Raspberry Pi Blog Post
มีการปรับปรุงเล็กน้อยในด้านการเชื่อมต่อไร้สาย โดยที่ Bluetooth ของ Raspberry Pi Zero 2 W ได้รับการอัพเกรดจากที่เวอร์ชันก่อนเป็นเวอร์ชัน 4.1 เป็นเวอร์ชัน 4.2 นอกจากนี้ ในด้านการเชื่อมต่อ WiFi ก็ยังคงให้มาเป็นมาตรฐาน IEEE 802.11 b/g/n WiFi ซึ่งมาพร้อมกับ BLE (Bluetooth Low Energy) ด้วย ซึ่งนอกเหนือจากการอัพเกรดในส่วนของ Bluetooth แล้ว วงจรในด้านของการเชื่อมต่อไร้สายยังได้มีการชิลด์ปกป้องด้วยกระดองโลหะ ช่วยปกป้องสัญญาณรบกวนจากวงจรส่วนอื่นๆและเป็นไปตามมาตรฐานของการเชื่อมต่อไร้สายด้วย
เราลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Raspberry Pi Zero 2 W กับ Raspberry Pi Zero W กันดีกว่าครับ:
โดยตัวอักษรที่เป็นสีน้ำเงินนั้นหมายถึงชิ้นส่วนหรือองค์ประกอบที่ได้รับการอัพเกรดหรือมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ CPU จากที่ Raspberry Pi Zero W รุ่นแรกมีการใช้งาน single-core, 32-bit CPU แต่ในสำหรับ Raspberry Pi Zero 2 W มีการเลือกใช้งานเป็น Quad-core, 64-bit CPU! ซึ่งจากการอัพเกรดเพียงส่วนนี้เพียงส่วนเดียว ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของ Raspberry Pi รุ่นนี้ โดยเราได้ทำการทดสอบบูทเข้าสู่ Raspberry Pi OS GUI ซึ่งพบว่าเร็วมากกว่ารุ่นเดิมถึง 3 เท่า โดยในการทดสอบนั้น เราใช้งานเป็น microSD card ที่ได้รับการรับรองจาก Raspberry Pi อย่าง 32GB MakerDisk ที่ถูกติดตั้ง Raspberry Pi OS พร้อมใช้งาน โดย Raspberry Pi Zero 2 W บูทเข้าสู่ Desktop GUI โดยใช้เวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่ Rasoberry Pi Zero W รุ่นก่อนต้องใช้เวลามากถึง 70 วินาที และสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานแบบ Single-Thread พบว่ามีความเร็วมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนมากถึง 40% และสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multi-Threaded นั้น พบว่ามีความเร็วมากกว่ารุ่นเดิมมากถึง 5.2 เท่า เมื่อเทียบกับ CPU รุ่นเดิมที่เป็นแบบ Single-core
โดยหากคุณเป็นผู้ใช้งาน Raspberry Pi มาก่อน ก็น่าจะสังเกตได้ว่า CPU แบบ quad-core, 64-bit ARM Cortex-A53 ได้ถูกใช้งานบน Raspberry Pi 3 Model B, Model B+ และ Model A+:
Quad-core, 64-bit, ARM Cortex-A53 CPU คือ CPU รุ่นเดียงกันที่ถูกใช้งานกับ Raspberry Pi 3 Model B, B+ และ A+ โดย Raspberry Pi Zero 2 W ทรงพลังมากพอที่จะรันโปรแกรมที่มีความซับซ้อนที่ความเร็วสูงได้ โดยเรามั่นใจได้เลยว่า Raspberry Pi community จะมีการนำ Raspberry Pi Zero 2 W ไปเป็นส่วนประกอบในการสร้างสรรค์โปรเจ็กต์เจ๋งๆอีกมากมายแน่นอน โดยโปรเจ็กต์หรือการนำ Raspberry Pi Zero 2 W ไปใช้งานที่เราพอจะนึกออกนั้นมีดังนี้:
นอกเหนือจากหน่วยประมวลผลและสถาปัตยกรรมที่เหมือนกันแล้ว Raspberry Pi Zero 2 W ยังมาพร้อมกับ RAM ขนาดเท่ากับ Raspberry Pi 3 Model A+ (512MB) ซึ่งอาจพูดได้ว่า เราจะสามารถใช้งาน Raspberry Pi 3 Model A+ ในขนาดที่เล็กลง และราคาถูกขึ้น! นอกเหนือจากนี้ Raspberry Pi Zero 2 W ยังได้รับการอัพเกรดให้ใช้งาน Bluetooth 4.2 ซึ่งเป็นสเปคที่เทียบเท่ากับ Bluetooth บน Raspberry Pi 3 Model B+ และ A+
โดยถ้าหากสังเกตุดีๆ เราจะพบว่า เสาอากาศสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายบน PCB ได้รับการปรับปรุงให้คล้ายคลึงกับ Raspberry Pi 4 Model B ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อไร้สายของตัวบอร์ดด้วย
ขอขอบคุณ Jeff Gerling ที่ได้ทำการทดสอบและได้แสดงผลให้เราได้ทราบถึงความเร็วของการเชื่อมต่อผ่าน WiFi และการเชื่อมต่อแบบสาย ที่มีการปรับปรุงขึ้น โดยดูได้จากแผนภูมิเปรียบเทียบความเร็วการเชื่อมต่อผ่าน WiFi โดย Jeff ใน รีวิว Raspberry Pi Zero 2 W:
เปรียบเทียบความเร็วการเชื่อมต่อ WiFi และการเชื่อมต่อแบบสายของ Raspberry Pi Zero 2 W และ Zero W โดย Jeff Gerling
ตัวบอร์ด Raspberry Pi ในตระกูล Zero นั้นมีขนาดเล็ก ซึ่งสำหรับตัวบอร์ด Raspberry Pi Zero 2 W มาพร้อมกับพอร์ตที่เหมือนกับ Raspberry Pi Zero รุ่นก่อน ซึ่งโดยปกติแล้ว ตัวบอร์ด Raspberry Pi Zero นั้นไม่ได้มาพร้อมกับอุปกณณ์ต่อพ่วงอยู่แล้ว (เช่น เมาส์ และ คีย์บอร์ด) หรือ เคส ซึ่งเราสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ที่จะใช้งานกับตัวบอร์ดได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งมีทั้งแบบ Official จากทาง Raspberry Pi หรือ Unofficial จากผู้จำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงหรืออุปกรณ์เสริมรายอื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว บอร์ดในตระกูล Raspberry Pi จะมาพร้อมกับ CPU, GPU, RAM, HDMI port, USB ports, wireless หรือ wired connectivity (Bluetooth, BLE, WiFi), Camera interface, microSD card slot, 40-GPIO แต่สำหรับ Raspberry Pi Zero W หรือ Zero 2 ซึ่งอยู่ในตระกูล Zero นั้น จะมาพร้อมกับ:
และถ้าหากคุณสังเกตดูดีๆจะพบว่า ชิ้นส่วนทั้งหมดจะถูกติดตั้งอยู่บน PCB ด้านบนเพียงฝั่งเดียวเท่านั้น จะไม่มีชิ้นส่วนใดๆถูกติดตั้งอยู่ทางด้านล่างขอตัวบอร์ดเลย ซึ่งถือเป็นการลดต้นทุนในการผลิตต่อบอร์ดลง เนื่องจากตัวบอร์ด PCB สามารถผ่านไลน์การผลิตเพียงรอบเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องพลิกด้าน PCB และผ่านไลน์การผลิตอีกครั้งเพื่อติดตั้งชิ้นส่วนที่ PCB อีกด้าน
และข่าวดีสำหรับผู้ที่เคยใช้งานหรือเป็นเจ้าของ Raspberry Pi Zero W รุ่นก่อน สำหรับ Raspberry Pi Zero 2 W นี้จะสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Raspberry Pi Zero W รุ่นก่อนได้แทบทุกชนิด เนื่องจากตัวบอร์ดมาพร้อมกับ Layout ที่เหมือนกับบอร์ดรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นขนาด ตำแหน่งติดตั้งสกรู ตำแหน่งพอร์ตต่างๆบนตัวบอร์ด ดีไหมล่ะ:)
สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ เราขอแนะนำเป็นชุดอุปกรณ์พร้อมบอร์ด Raspberry Pi Zero 2W พร้อมใช้งานชุดนี้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเลือกซื้อของทีละชิ้นไปได้เยอะเลยทีเดียว